เมื่อขึ้นชื่อว่าผู้หญิงแล้วได้ยินคำว่า “ไขมัน” ส่วนใหญ่มักจะร้องอี๋ส่ายหน้าทันที เนื่องจากเป็นศัตรูตัวฉกาจของการมีรูปร่างและส่วนสัดที่ดีนั่นเอง แต่ในอาหารที่เรารับประทานนั้น ยังมีไขมันที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพและไม่ทำให้อ้วนอีกด้วย ซึ่งไขมันดีๆ ชนิดหนึ่งที่เราควรรับประทานกัน นั่นก็คือ “น้ำมันปลา” นั่นเอง
น้ำมันปลาคืออะไร
น้ำมันปลา (Fish Oil) คือ น้ำมันที่สกัดได้มาจากตัวปลา ไม่ว่าจะเป็นเนื้อปลาหนังหัวหรือหางปลาก็ตาม โดยเราจะเรียกรวมๆทั้งหมดนี้ว่าน้ำมันปลา ซึ่งมักจะมาจากปลาทะเลน้ำลึกหรือปลาที่อยู่ในเขตหนาวที่มีกรดไขมันหลายชนิด เช่น ปลาแซลมอน ปลาซาร์ดีน ปลาแมคเคอเรล ปลาเฮอร์ริ่ง ปลาทูน่า และปลาแองโชวี่ เป็นต้น
สารสำคัญและสรรพคุณของน้ำมันปลา
ในน้ำมันปลามีสารสำคัญที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพหลายชนิด และอุดมไปด้วยกรดไขมันที่จำเป็นต่อร่างกาย ได้แก่ กรดไขมันชนิดไม่อิ่มตัวที่เรียกว่า “โอเมก้า 3” ช่วยบำรุงสมองและกระตุ้นเซลล์สมองให้มีความจำที่มีประสิทธิภาพดีขึ้น ลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจขาดเลือด ลดไขมันไตรกลีเซอไรด์ในหลอดเลือด ลดความดันโลหิตสูง ลดการแข็งตัวของหลอดเลือดแดง บรรเทาอาการปวดและอาการอักเสบของโรครูมาตอยด์
นอกจากนี้ยังช่วยบำรุงผิวพรรณเส้นผมและเล็บให้แข็งแรงแลดูเงางามบำรุงสายตาให้ชุ่มชื้น หากร่างกายได้รับน้ำมันปลาในปริมาณที่เพียงพอ จะสามารถช่วยป้องกันการเป็นโรคอัลไซเมอร์หรือภาวะสมองเสื่อมในผู้สูงอายุได้อีกด้วย
ควรรับประทานน้ำมันปลาอย่างไร
ปัจจุบันน้ำมันปลาได้รับการผลิตออกมาในรูปแบบของผลิตภัณฑ์อาหารเสริมที่หลากหลาย โดยเฉพาะชนิดเม็ดแคปซูลแบบนิ่มที่ทำให้สะดวกต่อการรับประทานมากยิ่งขึ้น ซึ่งควรรับประทานวันละ 1 – 2 เม็ดหลังอาหารเช้าทันที เพื่อให้ร่างกายสามารถดูดซึมพร้อมกับอาหารที่รับประทานเข้าไป จะช่วยให้ไม่มีกลิ่นคาวปลาเมื่อเรอออกมา และสามารถรับประทานได้อย่างต่อเนื่องโดยไม่มีการตกค้างในร่างกายถ้ารับประทานต่อวันในปริมาณที่น้อย
ข้อควรระวังในการรับประทานน้ำมันปลา
เนื่องจากน้ำมันปลามีสรรพคุณช่วยลดการแข็งตัวของหลอดเลือดแดง จึงไม่เหมาะสำหรับผู้ป่วยที่มีภาวะเลือดออกง่ายผู้ที่มีความดันโลหิตต่ำหรือผู้ที่มีเกล็ดเลือดต่ำ รวมถึงผู้ป่วยที่รับประทานยาต้านการแข็งตัวของโลหิต ซึ่งจะก่อให้เกิดอันตรายต่อร่างกายได้และน้ำมันปลายังมีผลกระทบทำให้แผลฟกช้ำหายช้าอีกด้วย
สิ่งที่ควรจำไว้เสมอก็คือ ต้องเลือกซื้อน้ำมันปลาจากแหล่งผลิตที่เชื่อถือได้ และมีมาตรฐานการผลิตเท่านั้นเพื่อป้องกันการบริโภคน้ำมันปลาที่มีการปนเปื้อนของสารปรอทนั่นเอง